5 ช่องว่างที่นักวิ่งมองข้าม ปรับง่าย ๆ วิ่งดีขึ้น เร็วขึ้นอย่างยั่งยืน
หมอครับ ทำยังไงถึงวิ่งได้เร็วขึ้น?
ผมมักตอบว่า: “ถ้าวิ่งให้ดีขึ้น เดี๋ยวความเร็วจะตามมาเองครับ”
ถ้าจะวิ่งให้เร็วขึ้นด้วยการซ้อมวิ่งไปเรื่อย ๆ แน่นอนว่าทำได้ครับ แต่ยังมีวิธีที่ยั่งยืนและง่ายกว่านั้น นั่นคือ การทำให้วิ่งดีขึ้น
นักวิ่งแต่ละคนมี “ช่องว่าง” ในการพัฒนาการวิ่งไม่เท่ากัน
สำหรับนักกีฬาอาชีพที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว การพัฒนาเพิ่มเติมอาจยาก
แต่สำหรับนักวิ่งสมัครเล่น ช่องทางการพัฒนายังมีอยู่มากมาย
วันนี้ผมขอแนะนำ 5 ช่องว่าง ที่นักวิ่งมักมองข้าม และเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะช่วยให้คุณวิ่งได้ดีและเร็วขึ้นครับ
1.ท่วงท่าการวิ่งที่เปลืองพลังงานและเสี่ยงบาดเจ็บ
ผมเคยดูท่าวิ่งของนักวิ่งมากกว่า 3,000 คน ตั้งแต่มือใหม่จนถึงระดับ Elite
หลายคนมีพรสวรรค์ที่ท่าวิ่งดีตั้งแต่ต้น ขณะที่บางคนแม้จะวิ่งมานานก็ยังต้องปรับ
การวิ่งที่ท่าดีเหมือน “เพชรในตม” เมื่อปรับอีกเล็กน้อยก็จะ “เปล่งประกาย”
มากกว่า 80% ของนักวิ่งที่มาตรวจ ยังมีท่าวิ่งที่พัฒนาได้
การปรับท่าวิ่งช่วยลดการใช้พลังงาน วิ่งได้เร็วขึ้น และลดโอกาสบาดเจ็บ
ตัวอย่างที่ผมเจอ:
นักวิ่งบางคนปรับท่าวิ่งเพียง 2-3 เดือน pace ลดลงถึง 20 วินาที/กิโลเมตร
คุณเองก็ทำได้ครับ
2.น้ำหนักตัวที่มากเกิน
น้ำหนักตัวที่เยอะเกินทำให้วิ่งได้ยากขึ้น ลองเริ่มจากการเช็ก % ไขมันด้วยเครื่องชั่งหรือ Dexascan
ถ้าพบว่าไขมันเยอะ การปรับพฤติกรรมการกินเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด
ลดไขมัน ด้วยการปรับอาหารที่สมดุลและเหมาะสม
การซ้อมจะช่วยเผาผลาญส่วนที่เหลือออกเอง
Lean ขึ้น 1 กิโลกรัม ความเร็วก็เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2-3 วินาทีครับ
3.ความไม่สมดุลและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
กล้ามเนื้อที่ไม่สมดุลหรืออ่อนแรงเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับการพัฒนา
นักวิ่งที่ไม่เล่นเวทเทรนนิ่งมีโอกาสบาดเจ็บสูง
เวทเทรนนิ่งไม่เพียงช่วยป้องกันการบาดเจ็บ แต่ยังเปิดโอกาสให้พัฒนาได้อีกมาก ให้คนมีพลังมากกว่าเดิม
4.ซ้อมเยอะ แต่ไม่ตรง Zone
การวิ่งแบบไม่เข้าใจ Zone หรือซ้อมผิด Zone ทำให้เสียโอกาสพัฒนา
การตรวจ VO2 Max ช่วยให้คุณรู้ว่า:
Zone ที่เหมาะสมสำหรับพัฒนาความเร็ว
วิธีปรับ Threshold และ Interval ให้ตรงเป้าหมาย
Zone แต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าปล่อยให้การซ้อมผิด Zone ทำให้คุณเสียเวลา
5.การกินที่ไม่ส่งเสริมการวิ่ง
นักวิ่งหลายคนกินไม่สมดุล โดยเฉพาะการขาด โปรตีน
การกินโปรตีนไม่พอทำให้ฟื้นตัวช้า กล้ามเนื้อไม่มีแรงเต็มประสิทธิภาพ มวลกล้ามเนื้อเสียไป
ขาดวิตามิน เช่น Vitamin D ส่งผลต่อประสิทธิภาพ
โภชนาการที่ดีคือเชื้อเพลิงของการวิ่ง อย่าลืมปรับตามช่วงซ้อมและช่วงแข่งนะครับ
และนี่คือ 5 ช่องว่างที่มักถูกมองข้าม แต่ถ้าปรับได้ คุณจะวิ่งได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน
ปี 2025 นี้ ผมและทีม Avarin Smart Run ขอชวนนักวิ่งทุกคนที่อยากพัฒนาการวิ่ง
ปรับพื้นฐานให้ดี
ซ้อมอย่างถูกวิธี
พร้อมทำ New PB อย่างสุขภาพดี
Camp นี้เหมาะสำหรับนักวิ่งทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่จนถึงคนที่อยากทำเวลาได้ดีขึ้น รายละเอียดการสมัครอยู่ด้านล่างครับ
มาวิ่งไปด้วยกันแบบสมาร์ท ๆ กับผม หมอแอร์ และทีม Avarin Smart Run กันครับ
หมอแอร์