วิ่งใส่ ผ้าบัฟ, Faceshield, Mask หรือไม่ใส่ดี ?
ขณะนี้ประเทศไทยสามารถกดเชื้อ ลงได้แล้ว
จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง และมีแนวโน้ม จะเปิด สนามกีฬา และสวนสาธารณะในไม่ช้า
นักวิ่งจะป้องกันตัวยังไง เพื่อไม่ให้มีการแพร่เชื้อ และติดเชื้อ สำหรับการวิ่ง ในสนามกีฬาและสวนสาธารณะ
ถามว่าการติดเชื้อขณะวิ่งผ่านกันเฉยๆ วิ่งตามหลังกันโอกาสติดเชื้อเยอะไหม ก็ต้องบอกว่าไม่น่าเยอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีทางติด covid ไม่ได้ติดทางเหงื่อ แต่ติดทางการโดน ละออง จากการไอ จาม หรือน้ำลาย ถ้าไม่การไอ จาม ไม่ยืนคุยกัน ตะโกนดังๆ ให้น้ำลายกระเด็น โอกาสติดก็คงน้อยมาก
อะไรคือ new normal ของการวิ่ง ที่เราต้องเตรียมตัวนอกจาก ยัง Keep physical distance ตลอดเวลาการออกกำลังแล้ว
เมื่อคำแนะนำ การใส่ mask ในขณะออกไปใช้ชีวิตประจำวัน ยังเป็นสิ่งที่สำคัญ และละเลยไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย และลดการแพร่ระบาดได้ชัดเจน
แล้วการออกกำลัง outdoor เราทำอะไรที่จะป้องกันได้บ้างลองมาดูเป็นข้อๆ
1 ใส่ Mask ขณะออกกำลัง
2 ใส่ Faceshield ขณะออกกำลัง
3 ใส่ผ้า Buff ขณะออกกำลัง
4 ไม่ใส่เลย keep physical distance อย่างเดียว
การใส่ Mask ไม่ว่าจะเป็น Surgical mask หรือ แมสผ้า ในขณะออกกำลัง ทำให้การหายใจเข้าและออก ลำบากขึ้น อาจหายใจเอา co2 เข้าไปมากกว่าเดิม ยิ่งแมสที่มีประสิทธิภาพดี กรองได้เยอะ กันน้ำได้ ยิ่งมีแนวโน้มทำให้หายใจเข้าออก ลำบากมากขึ้นเท่านั้น
ปนะสิทธิภาพการออกกำลังกายก็จะลดลง HRขึ้นเร็วกว่าปกติใน Pace เท่าเดิม
ขณะใส่หน้ากากออกกำลังหนักๆ ต่อเนื่อง จะเกิดความชื้น เปียกที่แมส จากไอน้ำ ความร้อนที่หน้าและลมหายใจจากจมูกและปาก นอกจากนี้ทำให้สารคัดหลั่งที่จมูกออกมากขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพการป้องกันของแมสเสียไป ยังไม่นับฝ้าที่เกาะแว่นตาในคนที่ใส่แว่นออกกำลังกาย
ดังนั้นการใส่ mask ขณะออกกำลังกายหนักๆ เช่น วิ่ง Zone. 3 ขึ้นไปคงไม่เหมาะ นอกจากเราจะเหนื่อยง่ายขึ้นแล้ว เมื่อแมสเปียกชุ่มก็ไม่น่าจะช่วยป้องกันโรคได้อีกแล้ว แต่ถ้าใส่เพื่อ เดินเล่น ปั่นจักรยานเบาๆ หรือวิ่ง Zone.2.ที่เราไม่เหนื่อยมากเกินไป จนแมสไม่เปียกน่าจะยังทำได้อยู่ และน่าจะช่วยป้องกันได้ดีกว่าไม่ใส่อะไรเลย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยง ที่ออกกำลังกายรอบๆหมู่บ้าน ยังไม่ควรไปออกในที่สาธารณะ
ผ้าบัฟ เป็นอีกทางเลือก สำหรับกลุ่มออกกำลังกายหนัก ที่ไม่สามารถใส่ mask ได้ เพราะผ้าบัฟออกแบบมาให้หายใจผ่านผ้าได้แบบไม่เหนื่อย แม้จะออกกำลังกายหนักมาก การหายใจผ่านผ้าบัฟก็ยังพอทำได้ ผ้าชื้นยากกว่าแมส แต่แน่นอนประสิทธิภาพในการกัน สารคัดหลั่งก็น้อยตามไปด้วย เพราะมีรูค่อนข้างเยอะ ไม่กันน้ำ ไม่กันสารคัดหลั่งแบบละอองฝอย
แล้วใส่บัฟดีกว่าไม่ใส่อะไรไหม คงตอบยาก เพราะยังไม่มีงานวิจัยเทียบกันในตอนนี้ แต่ถ้าผ้าบัฟไม่ชื้นก็น่าจะมีประโยชน์กว่าไม่ใส่อะไร
Faceshield. ข้อดีของ Faceshield ช่วยในแง่ การป้องกันสารคัดหลัง เข้าที่หน้า ที่ดวงตามากกว่า แต่มันยังไม่แนบพอที่จะจมูก ได้เหมือนแมส ซึ่งถ้าจะใช้กันได้จริงๆ ก็ควรใส่แมสร่วมด้วย แต่น่าจะใช้ค่อนข้างยากในตอนวิ่งเร็วๆ น่าจะมีแรงลมต้าน
ไม่ใส่อะไรเลย วิ่งได้ไหม แน่นอนว่าถ้า keep physical distance ให้เพียงพอ ก็ไม่ต้องใส่อะไรเลย เพียงแต่เรายังไม่รู้แน่ชัดว่า เพียงพอตอนนี้ อยู่ที่ระยะกี่เมตร มีตั้งแต่ 2 เมตรไปจนถึง 10 เมตร ตาม คำแนะนำและการทดลองแบบ simulation ต่างๆ
สรุปแล้วทำยังไงดี ต้องบอกว่ายังไม่มีข้อแนะนำที่ดีที่สุดชัดเจนในขณะนี้ ถ้าให้สรุปง่ายๆ
ถ้า keep physical distance ได้แน่นอน ขอสัก 5-8 เมตร อ้างอิง simulation ในปัจจุบัน ถ้าทำได้ ก็ไม่น่าต้องใส่อะไรเลย แต่ระยะปกติ 2 เมตรมีความกังวัลอาจว่าไม่พอ
ถ้าต้องออกในสวนสาธารณะ ที่ๆคาดไม่ได้ว่าจะสามารถ keep physical distance ได้ขนาดไหน ตลอดเวลารึไม่ จะมีใครไอหรือจามข้างหน้าไหม มีข้อแนะนำดังนี้
-สาย เดิน สายLow zone ถ้าใส่ mask ก็น่าจะดี อย่างน้อยก็ช่วยป้องกันตัวเองได้อีกระดับ แต่ถ้าแมสเปียกเมื่อไหร่ก็ไม่ช่วยแล้ว แสดงว่าออกหนักไป หรือนานไป
– สายความเร็ว Zone.3 ไม่ควรใส่แมส เพราะ แมสจะเปียก มีผลเสียมากกว่าผลดี และจะยิ่งลำบากในการหายใจ ออกกำลังก็จะเหนื่อยมากขึ้น ผ้าบัฟอาจพิจารณาเป็นทางเลือกได้
แน่นอนว่า ออกที่บ้าน หน้าบ้าน หมู่บ้านยังดีสุด แต่ถึงจุดที่กดเชื้อได้ แล้วอยากไปสนามกีฬา สวนสาธารณะ ก็น่าจะต้องเพิ่มความระวังมากขึ้น
ทั้งนี้ให้ถือการ physical distance เป็นสิ่งสำคัญที่สุด และการป้องกันพื้นฐาน งดคุย ตะโกน ไอ จาม บ้วนน้ำลาย ไม่ลูบหน้าตา ขยี้หน้าตา ติด แอลกอฮอล์เจลไว้ล้างมือบ่อยๆ ยังช่วยลดการระบาดได้ ไม่เช่นนั้นอาจมี 2 wave ขึ้นมาอีกจนรัฐต้องกลับไปใช้มาตรการเดิม
และคอย update ข้อแนะนำที่อาจเปลี่ยนแปลงเมื่อมีชุดความรู้ใหม่ออกมานะครับ
หมอแอร์
ข้อมูลบางส่วนและภาพ
https://www.nytimes.com/…/coronavirus-exercise-outdoors-mas…
ภาพ Faceshield จาก หจกเหรียญทอง