อย่ายึดติดกับอดีต เพราะมันทำให้คุณพัฒนาช้าลง
ผมวิ่งมาราธอน ที่บุรีรัมย์เมื่อต้นปี ค่าความฟิตผม Vo2 max ของจริง 52 วัดใน Garmin ประมาณ 56-57
ความเร็วในการวิ่ง Easy อยู่ที่ประมาณ 5.30 -6.00 tempo 4.35
หลังจากเข้า Avarin Smart Run New PB 10 K ค่า Vo2 max ใน Garmin ผมแตะเกือบ 60 วิ่ง Easy ได้ 5.20 – 5.50 Tempo ได้ 4.20 ให้วิ่ง 10 K น่าจะกดได้ 42-43 นาที เรียกว่าเราขึ้นกว่าเดิมมาก
ความหวังทำ Marathon 3.15 ชม ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
แต่สุดท้ายผมได้รับบาดเจ็บจาก ITB ข้างซ้าย พยายาม ทำกายภาพ ทุกทาง U/S Laser เพื่อกลับมาวิ่งให้เร็วสุด สุดท้ายอาการเจ็บไม่ดีขึ้น เป็นมากกว่าเดิม จนตัดสินใจ Off Season ไป 3 เดือน แน่อนว่า การหยุดออกกำลัง Endurance 2 เดือนขึ้นไป ความฟิตคุณจะตกสู่ Baseline พื้นฐานของคุณ
2 สัปดาห์ก่อน ที่เริ่มกลับมาวิ่ง ความเร็วระยะสั้นผมไม่ตก เหมือนเท่าเดิมหรืออาจดีขึ้น เพราะที่ผ่านมา ทำ Strength Training ตลอด แต่สิ่งที่หายไปคือ Base Endurance วิ่งไปแค่ 3 กิโล ก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว หัวใจเต้น 150 ซึ่งปกติเพซนี้ HR ผมจะอยู่ประมาณ 130 เอง
แน่นอนว่าเป้าหมายมาราธอนของผมที่ 3.15 ชม การวิ่ง Easy 5.30-6.00 ไม่ทำให้ได้เวลานี้แน่ ผมพยายามกด Easy ลงมาที่ 5.20 เพื่อให้ได้ความเร็วตามเป้า แต่ปรากฏว่าที Pace 5.20 ไม่ใช่ Easy pace ผมในตอนนี้แล้ว HR ทะลุ 154 ความเหนื่อย ปาไป 7/10 ซึ่งจะทำให้ผมไม่ได้ประโยชน์จาก Base Running ที่แท้จริง ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อ เพิ่ม Mitochondria ใน cell .ให้ Aerobic Capacity เจ๋งๆ เหมือนเดิม
สิ่งที่ผมต้องทำก็คือ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เปลี่ยนความเร็ว วิ่งให้ช้าลง เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากการซ้อม มากที่สุด และมันจะทำให้เราพัฒนาได้เร็วกว่าการไปฝืนวิ่ง ที่ไม่ใช่ Easy Pace จริงๆของเรา ไม่ใช่ Tempo จริงของเรา และต้องเขย่งในการซ้อม สุดท้ายอาจบาดเจ็บ หรือพัฒนาช้ากว่าครับ
ร่างกายของเราเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ครับ การซ้อมมาราธอน 14 สัปดาห์ ผมเชื่อว่าอาจเพียงพอ ที่ทำให้ผมทำ New PB ได้อีกครั้ง ถ้าเราซ้อมได้เหมาะสม ถูกทาง ทุกช่วงเวลาในการซ้อม พบกันบุรีรัมย์มาราธอน
Cr.หมอแอร์