วิ่งแข่งในวันที่ฝุ่น PM 2.5 สูง ความเสี่ยงที่คุณอาจมองข้าม

วิ่งแข่งในวันที่ฝุ่น PM 2.5 สูง ความเสี่ยงที่คุณอาจมองข้าม

 

เวลาเราแข่ง เรารับฝุ่น Pm2.5 เพิ่มขึ้นขนาดไหน

ให้นึกว่าฝุ่น เข้าทางการหายใจ และส่งผ่านร่างกาย ผ่านทางการสูบฉีดจากหัวใจ

ในภาวะปกติ

เราหายใจ อากาศเข้าปอด ( Minute Ventlation )

สมมุติ 1 เท่า

เลือดสูบฉีด ( Cardiac output ) เป็น 1 เท่า

ขณะเราวิ่ง Easy เบาๆ

เราหายใจเพิ่มขึ้น 5 เท่า

เลือดสูบฉีด เป็น 3 เท่า

ขณะเราวิ่ง  Threshold

เราหายใจเพิ่มขึ้น 10 เท่า

เลือดสูบฉีด เป็น 4 เท่า

ขณะเราวิ่ง Interval

เราหายใจเพิ่มขึ้น 20 -25 เท่า

เลือดสูบฉีด เป็น 5 เท่า

ดังนั้น

ถ้าเราแข่ง มาราธอน เราจะได้รับ PM 2.5 มากขึ้น จากการหายใจอย่างน้อย 7 เท่า และ Pm2.5 ไปสู่ร่างกายจากการสูบฉีดที่มากขึ้น 3 เท่า ต่อจำนวนชั่วโมงที่วิ่ง รับฝุ่น เพิ่มทั้งหมด 35 เท่ามากกว่าเดิม (คิดที่ 5 ชม.)

ถ้าเราวิ่ง แข่ง Half marathon ที่ zone 3-4 เราจะได้รับ PM 2.5 มากขึ้น จากการหายใจ 8 เท่า และ Pm2.5 ไปสู่ร่างกายจากการสูบฉีดที่มากขึ้น 3-4  เท่า ต่อจำนวนชั่วโมงที่วิ่ง รับฝุ่นเพิ่ม 16 เท่า มากกว่าเดิม (คิดที่ 2 ชม.)

ถ้าเราวิ่ง แข่ง 10km ที่ Threshold pace เราจะได้รับ PM 2.5 มากขึ้น จากการหายใจ 10  เท่า และ Pm2.5 ไปสู่ร่างกายจากการสูบฉีดที่มากขึ้น 4  เท่า ต่อจำนวนชั่วโมงที่วิ่ง รับฝุ่นเพิ่ม 10 เท่า มากกว่าเดิม (คิดที่ 1 ชม.)

ดังนั้นการแข่งขันในวันที่ฝุ่น pm2.5 สูง ทำให้เรารับฝุ่น มากกว่าที่เราคาดไว้มากๆ ครับ โดยเฉพาะในการแข่งระยะไกล

กลุ่มเสี่ยง ควรหลีกเลี่ยง เพราะมีโอกาสเกิดอันตรายฉับพลันได้ในเรื่องหลอดเลือดหัวใจและสมอง รวมถึงทางเดินหายใจครับ

 

หมอแอร์

หมอหัวใจและการกีฬา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า