อ้วนจริงไหม ดูอย่างไร?
ค่า BMI ที่เราใช้บอกความอ้วน บางครั้งอาจไม่แม่นยำเพียงพอในการบอกว่าเราอ้วน
2 กลุ่ม ที่ทำให้เชื่อ BMI ไม่ได้ ได้แก่
- กลุ่ม Muscular สายกล้ามเนื้อใหญ่ กลุ่มนี้ บางทีน้ำหนักที่มาก ทำให้ BMI สูงได้ แต่จริงๆ มาจาก ขนาดมวลกล้ามเนื้อที่มาก ซึ่งถือว่าไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรค แบบไขมันส่วนเกินในโรคอ้วน
- กลุ่ม ตัวผอมบาง แต่มีพุง กลุ่มนี้เป็นกลุ่มสำหรับ คนผอมบาง กล้ามเนื้อเล็ก ตั้งแต่วัยรุ่น แต่มีพุงจากไขมันส่วนเกิน เพียงแต่มันไม่สามารถทำให้ค่า BMI เกินได้
ค่า BMI ปกติไม่ควรเกิน 25 สำหรับคนไทยใช้ตัวเลข 23 ได้ ถ้าเกิน 30 ถือว่า อ้วนแบบอันตราย วิธีหาค่า BMI เอาน้ำหนักหารด้วยส่วนสูงเป็นเมตร กำลังสอง เราจึงควรใช้ วิธีอื่นที่ใช้ในการบอกว่าเราอ้วนไหม
ความอ้วน คือไขมันส่วนเกิน คือ Visceral fat ที่เกาะตาม พุง หน้าขา แขน ร่างกาย เป็นตัวที่ทำให้เกิด โรค NCD
เราสามารถวัด Viaceral fat ได้ หลายวิธี
- Dexa scan เป็นการตรวจทางการแพทย์ หาปริมาณไขมันได้แม่นยำ แต่ต้องทำที่ รพ.
- เครื่องชั่ง น้ำหนักบอก % body fat เช่น พวก Inbody ตาม fitness เครื่องพวกนี้ใช้หลักการวัดความนำไฟฟ้าที่ต่างกันของร่างกาย เช่น ไขมัน กล้ามเนื้อ กระดูก เป็นต้นได้ค่าออกมาเป็น percent ไขมัน จะช่วยทำให้คนที่ BMI ไม่แม่นยำ สามารถวัดว่าอ้วนไหมได้ดี
เครื่อง Home use ส่วนใหญ่ความแม่นยำต่ำ และเชื่อถือได้ยาก ที่พอใช้ได้เป็น Home use inbody ที่แบบมีมือจับ สามารถใช้วัดเปรียบเทียบได้ - ใช้ fat caliper ตัวหนีบวัดไขมัน วัดประมาณไขมันเองได้ เช่นกัน
- การวัดรอบเอว ว่าสูงไหม ถ้าเกิน 80cm ในผู้หญิง หรือ 90 cm ในผู้ชาย อาจเข้าข่ายอ้วน
สิ่งที่เรากลัว ไม่ใช่น้ำหนักที่มาก แต่เรากลัวไขมันส่วนเกิน ตามร่างกายมากกว่า ถ้าเกินไป ทำให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันสูง
การลดไขมันส่วนเกิน หรือน้ำหนักเกินจากไขมัน ยิ่งลดเยอะ ยิ่งทำให้เราแข็งแรง และอายุยืนครับ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม Percent ไขมัน
เครื่องชั่งน้ำหนัก วัดดัชนีมวลกาย คลิ๊ก