วิธีเลือกลู่วิ่งสำหรับนักวิ่งตัวจริง…เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน?…ควรรู้เรื่องอะไรบ้าง?

วิธีเลือกลู่วิ่งสำหรับนักวิ่งตัวจริง…เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน?…ควรรู้เรื่องอะไรบ้าง?

ในสถานการณ์ที่การวิ่งของเราถูกจำกัดแค่เพียงอยู่ในบ้าน ดังนั้น นักวิ่งที่ขาดการวิ่งไม่ได้อย่างเราต้องหาตัวช่วย อย่างเช่น “ลู่วิ่งไฟฟ้า” แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ลู่วิ่งไฟฟ้าแบบไหนเหมาะกับคุณ

วันนี้เราจะมาแนะนำ วิธีการดูลู่วิ่งไฟฟ้าแบบฉบับนักวิ่งตัวจริงและเรายังมีลู่วิ่งไฟฟ้าดีๆมาแนะนำกันด้วย ตามมาดูกันเลยครับ…

สิ่งที่คุณควรรู้หลังจากที่คุณตัดสินใจแล้วว่า ต้องมีลู่วิ่งอยู่ในบ้าน…

1. ประเภทของมอเตอร์ : ประเภทของมอเตอร์ในลู่วิ่งเราจะแบ่งเป็น 2 ประเภทนั้นคือ DC (direct current) กับ AC (alternating current) มอเตอร์ 2 ประเภทนี้แตกต่างกันที่ความเสถียรของไฟฟ้า DC หรือ มอเตอร์กระแสไฟฟ้าตรง ความเสถียรในการปล่อยไฟฟ้าจะน้อยกว่า AC หรือ มอเตอร์กระแสไฟฟ้าสลับ ถ้าคุณเป็นนักวิ่งสายทำความเร็ว ฝึก Interval มอเตอร์แบบ AC เหมาะกับคุณมากกว่าเพื่อความเสถียรในการวิ่ง

2. แรงม้า : คุณอาจจะเคยได้ยินคำนี้จากรถยนต์ แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องแรงม้าของลู่วิ่ง ผลเสียในการเลือกแรงม้าของลู่วิ่งไม่เหมาะกับการใช้งาน นั้นคืออาจจะทำให้ “วิ่งแล้ววืด!!!” วิ่งแล้ววืดในที่นี้หมายถึง เมื่อลู่วิ่งมีกำลังแรงม้าไม่เพียงพอต่อน้ำหนัก รอบขา หรือ Ground Contact ที่เราส่งไป อาจจะทำให้เกิดการผิดจังหวะในการวิ่งแล้วเกิดอุบัติเหตุได้ คิดกันง่ายๆเหมือนเราวิ่งเร็วลงเท้าหนักแต่สายพรานลู่วิ่งไม่มีแรงต้าน อันตรายมากเลยนะครับ เพราะฉะนั้นเราควรเลือกแรงม้าของลู่วิ่งให้เหมาะกับการใช้งาน ตามมนี้ครับ

– มอเตอร์ขนาดที่ น้อยกว่า 2 แรงม้า เหมาะสำหรับการเดิน
– มอเตอร์ขนาด 2 – 3 แรงม้า เหมาะสำหรับการวิ่งเบาๆ
– มอเตอร์ขนาด 4 แรงม้า เหมาะสำหรับ วิ่ง,Interval
สำหรับนักวิ่งตัวจริงแรงม้ายิ่งแรงย่อมได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว จริงไหมครับ

3. การปรับความชัน
ลู่วิ่งไฟฟ้าสำหรับการวิ่งอาจจะมีค่าความชันเป็นระดับ เช่นปรับได้ 10 ระดับ 20 ระดับ แต่ระดับความชันที่คุณควรทราบจริงๆแล้วควรทราบระดับความชันเป็น % ว่าระดับต่างๆที่ข้อมูลลู่วิ่งไฟฟ้าบอกนั้นมันคือ กี่ % กันแน่ ถ้าคุณต้องการฝึกการวิ่งทางชันให้มีประสิทธิภาพ ลู่วิ่งไฟฟ้าของคุณควรปรับความชันจากพื้นให้ได้ 10%-15%

4.ลู่วิ่งไฟฟ้าแบบพับได้และพับไม่ได้
อย่างที่เรารู้กันดีว่าลู่วิ่งไฟฟ้าแบบพับได้จะสะดวกกว่าในการเคลื่อนย้ายและประหยัดพื้นที่ แต่ลู่วิ่งแบบพับไม่ได้ก็ไม่ใช่จะมีแต่ข้อเสียเสมอไป…ถ้าคุณเป็นสายวิ่งถนนที่จะกระแทกแค่ไหนพื้นก็ไม่มียวบ แต่ลู่วิ่งแบบพับได้จะมีข้อต่อส่วนด้านหน้าทำให้ในการกระแทกเท้าลงไปข้อต่อจะมีการยวบลงนิดหน่อย แต่ลู่วิ่งแบบพับไม่ได้จะเป็นชิ้นเดียวกันจึงไม่เกิดอาการเช่นนี้ คุณอาจจะต้องดูว่าคุณวิ่งแบบไหน แล้วเลือกให้เหมาะสมกับการวิ่งของคุณ

5.หน้าจอแสดงผล
ลู่วิ่งไฟฟ้าจะมีหน้าจอแสดงผลหรือ Console ให้เราทราบผลต่างๆในการวิ่ง เพราะฉะนั้นตัว Console ควรเลือกแบบที่หน้าจอคมชัด แสดงผลชัดเจน และมีข้อมูลต่างๆครบถ้วนเช่น ระยะทาง ความชัน อัตราการเต้นของหัวใจ ความเร็ว Pace หรือถ้า Advanced กว่านั้นก็มีสื่อความบันเทิงให้การวิ่งของคุณสนุกขึ้น

6.การรองรับน้ำหนัก
การเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าเราอาจจะต้องดูเรื่องการรองรับน้ำหนัก ถ้าคุณเป็นคนตัวใหญ่ หรือต้องการลู่วิ่งที่แข็งแรง อาจจะต้องดูลู่วิ่งที่รองรับน้ำหนักได้สูงๆตั้งแต่ 120 กิโลกรัมขึ้นไป

และสุดท้ายการเลือกลู่วิ่งไฟฟ้า ต้องขึ้นอยู่กับ Feeling ในการวิ่งของแต่ละคน ถ้าเป็นสายฟิตเนสอยู่แล้ววิ่งลู่ไฟฟ้าบ่อยก็น่าจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นสายถนนอยากจะหาลู่วิ่งไฟฟ้า อาจจะต้องการลู่วิ่งไฟฟ้าที่พื้นลู่วิ่งสามารถจำลองได้คล้ายถนนมากที่สุด

“เพราะเราคือนักวิ่ง” เมื่อไม่มีถนนให้เราวิ่งและเราก็ขาดการวิ่งไม่ได้ ลู่วิ่งไฟฟ้าจึงเป็นตัวช่วยสำคัญให้การวิ่งของเราไปต่อ ดังนั้นการเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่เหมาะกับเรา ให้เราได้ลู่วิ่งคุ้มค่า คุ้มราคาที่สุด เท่านี้ก็ได้ทั้งการวิ่งดีๆและลู่วิ่งไฟฟ้าดีๆมาเป็นเพื่อนคุณขณะอยู่ในบ้านได้ไม่แพ้การออกไปฟิตเนสเลยครับ

เลือกดูสินค้า : https://www.avarinshop.com/product-cate…/fitness/treadmills/

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า