คนธรรมดา ก็เป็น Ironman ได้
Ironman เป็นความฝันของนักไตรกีฬา ที่ทุกคนใฝ่ฝัน หลายคนมองว่ามันไกลเกินไปและยากเกิน แต่ผมจะบอกว่าทุกคนเป็น Ironman ได้แน่นอน
Ironman คือไตรกีฬาระยะมาตรฐานที่ไกลที่สุด ประกอบไปด้วยการ ว่ายน้ำ 3.8 Km ปั่นจักรยาน 180 Km และการวิ่ง 42 Km ต่อเนื่อง ให้ทัน เวลา 15-16 ชม.
วันนี้จะมาเล่า Key ในการจบ Ironman ของผมให้ฟังครับ และเปรียบเทียบ ความหนักหน่วงในการซ้อมเทียบกับการแข่งอื่นๆ
ผมเริ่มจาก วิ่ง 10 Km 59 นาที ปั่นจักรยาน AV 25 แล้วกระโดดไปแข่งไตรกีฬา ระยะ Standard ใช้เวลา 3.20 ชม. แล้วไปวิ่งมาราธอนครั้งแรก แบบพังๆ 5.55 ชม. และสุดท้ายไปจบ Ironman ครั้งแรก ที่เวลา 12.36 ชม. ใช้เวลาวิ่งมาราธอนใน Ironman ที่ 4.25 ชม. รวม Timeline หลังจบไตรครั้งแรก ใช้เวลา 2 ปี ในการจบ Ironman ครั้งแรก และครั้งสุดท้ายจบที่เวลา 11.41 ชม.
Key ของการที่คนธรรมดาจะไปจบ Ironman ผมรวบรวมให้ดังนี้
1 ปลด Lock การว่ายน้ำ
ทำให้การว่ายน้ำ เหนื่อยเหมือนเดินเร็ว นั่นหมายความว่า จะให้ว่ายไกลแค่ไหนเราก็ทำได้ แค่ว่ายไหลไปจนถึงจุดหมาย
การว่ายน้ำที่เร็วขึ้นก้าวกระโดด (Pace ต่ำกว่า 2 นาที / 100 เมตร) ไม่ได้มาจากการซ้อมหนัก การซ้อมที่ไกล แต่มาจากเทคนิคการว่ายที่ถูกต้อง Technique is key มีส่วนถึง 70 %
ปัญหาของการว่ายน้ำ สำหรับ คนที่ไม่ใช่นักกีฬาว่ายน้ำ คือว่ายแล้วไม่ไป ยิ่งว่ายยิ่งเหนื่อย ต้องใช้แรงเยอะ Key หลักๆ ที่ทำให้ช้ามี 4 ข้อ คือ
- ตัวจม (Core body ไม่ทำงาน) ว่ายแล้วกินพลังมาก ต้องลากตัว หรือต้องตีขาหนักๆ เพื่อให้ตัวลอยได้
- Stroke ไม่ดี ดึงไม่ไป ดึงผิดทิศทาง ดึงไม่ catch น้ำ
- หายใจไม่ถูก บิดลำตัวไม่เป็น
- ตีขาผิดวิธี ใช้แรงมากเกินไป
4 ข้อนี้ ไม่ได้แก้โดยการว่ายเยอะๆ ว่ายบ่อยๆ แต่แก้ไขโดยการฝึก Drill การ Drill ในการวิ่งมีความสำคัญแล้ว แต่การ Drill ในการว่ายน้ำ สำหรับ Non swimmer สำคัญกว่า 5 เท่าเลย เพราะนักวิ่งแม้ไม่ฝึก Drill เรายังวิ่งเร็วขึ้นได้ แต่การว่ายน้ำถ้าไม่ฝึก Drill จะไม่สามารถพัฒนาได้ดี
การซ้อมว่ายน้ำสำหรับไตรกีฬา จึงเป็นสูตรงายๆ Warm up – Drill – Main set – Drill – Cool Down หรือ Drill เปิดและปิด ท่ามาตรฐาน ที่ทำให้เราว่ายเร็วขึ้นง่ายๆ ฝึกได้เองครับ
1 ว่าย หนีบ Pullbouy เสริมสร้าง Core body ให้ตัวไม่จม ทำง่าย และได้ผลดีมาก
2 Lateral Side kick – ท่าเด็ด ที่ทำให้เราพัฒนา 3 อย่าง Core body ด้านข้าง การฝึกบิดตัวหายใจ และการทำ Hip Rotation ทำยากนิด คุ้มค่า
3 เกาะโฟมตีขา บ้านๆ ใครตีไม่ถูกจับใส่ Fins ปากเป็ด มันจะบังคับให้เราใช้กล้ามเนื้อถูกเอง
4 Stroke ใส่ Paddle ฝึก Catch น้ำ เอาพวก Paddle ที่ถ้าดึง Stroke ผิดมันจะหลุด เช่น Finis Agility ฝึกดึงให้เข้าใจว่า catch น้ำเป็นยังไง องศาการดึงเป็นแบบไหน ไม่ต้องดึงหนักมากเดี๋ยวเจ็บกล้ามเนื้อไหล่ยาว ทำไม่เกิน 200 เมตร
ทำบ่อยๆ 1 เดือน เราจะว่ายไหลๆ โดยไม่รู้ตัว Pace ต่ำกว่า 2 มาได้แน่นอน
Key ในการแข่งคือ ขึ้นจากว่ายน้ำ แล้วร่างกายไม่เหนื่อย กล้ามเนื้อไม่ล้า ขาไม่เปลี้ย พร้อมปั่นได้สบาย
ไม่ต้องอัดเอาเป็นเอาตาย เพราะ เร็วขึ้นมาอีกแค่ 5 นาที แต่กินพลังงานมากมาย
2 ทำให้ร่างกายเป็นส่วนนึงของจักรยาน
Ironman ระยะทางที่มากสุด กินเวลาสุดของทุกกีฬา คือการปั่นจักรยาน 180 Km การฝึกซ้อมจักรยานจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและมีผลต่อเวลามาก แม้จะเป็นการปั่นยาว แต่การฝึกซ้อม ก็ไม่ใช่การปั่นยาวๆ เบาๆ อย่างเดียว ยังยึดหลัก 80:20 เสมอ
Key ในการซ้อมปั่นของผม
1 การซ้อมกับ Trainer ทำให้คุณพัฒนาได้เร็วกว่า ในแง่ ความแข็งแรง กล้ามเนื้อ และหัวใจ การซ้อมถนน Skylane ทำให้คุณพัฒนา Skill การเข้าโค้ง Control จักรยาน ผมจะไป Skylane แค่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น ที่เหลือ อยู่บน Trainer
2 Smart Trainer ทำให้คุณปั่น เลียนแบบสนามให้จริงได้ ปั่นขึ้นเขา ขึ้นทางชัน
3 ต้องซ้อมถึง 180 Km อย่างน้อย 1 ครั้ง ให้เราทนต่อการนั่งจักรยานนานๆ ได้
4 ไป Fitting ดีๆ ให้ท่าทางไม่เมื่อย ไม่ Aero ไปจนเราทนไม่ไหว ให้เราปั่นใช้กล้ามเนื้อที่ถูกต้อง ตามเป้าหมายการแข่งขัน สำหรับผมใช้ก้นถีบ มากกว่าน่อง จะได้ไม่ล้าตอนวิ่ง
5 ทำจักรยานให้เป็นภัตตาคาร ในตอนซ้อมไกลและแข่งจริง มีอาหารพร้อม ทั้ง Gel และของแข็ง ฝึกกิน ฝึกย่อย ตอนแข่งส่วนใหญ่ผมไม่ลงจักรยานเลย ยกเว้นปวดปัสสาวะ ไม่ชอบฉี่ตอนปั่นมันเหนอะหนะ ยอมเสียเวลาหน่อย ถือว่าพักขาไป
6 หายานที่ใช่ สำหรับเรา อันนี้เลือกเอาเองนะครับ ตั้งแต่แข่งมา ผมยังใช้คันเดิมอยู่เลย แต่ล้อขอบสูงหน่อย ช่วยได้ดี ตอนเราปั่นความเร็วขึ้น 30 Km/hr
3 วิ่งให้มีพลังเก็บคนอื่น
การซ้อมวิ่งของ Ironman ยังเน้นที่ Base Running 80% และ Tempo 15% Interval 5% ดังนั้นส่วนใหญ่ คือการวิ่ง Easy นะครับ
Key ของการซ้อม
1 วิ่ง Easy ต้องไม่ Too Easy ไม่งั้นพัฒนาช้า
2 ยังไงก็ต้องแทรก Interval และ Tempo ไปด้วย แต่ความรู้สึกในการซ้อม จะไม่โหดร้าย ใช้พลังเหมือนการซ้อม 10 Km เพื่อทำความเร็ว
3 ไม่มีความจำเป็นต้องซ้อมให้ถึง 42 km ผมซ้อมวิ่งมากสุด 3.30 ชม หรือ ประมาณ 28-32 Km การซ้อมให้ถึง 42 Km เป็นการทำร้ายร่างกาย และทำให้ร่างกาย Recovery ไม่ทัน เสี่ยงต่อการบาดเจ็บด้วย
ถ้าคุณว่ายน้ำได้ถูกวิธี ปั่นจักรยานได้ไม่กดจน Quad พัง คุณจะลงจากจักรยานมาวิ่งอย่างสนุก แรงไม่หมด ตะคริวไม่มา และเก็บคนที่ปั่นแซงคุณ อย่างสนุกเลย
4 Put It Together
การซ้อม Ironman เป็นการซ้อมที่ความเข้มข้น (Intensity ) ไม่หนักมาก แต่ Workload ต้องนาน เน้นการปู Base ความเหนื่อยในการซ้อมจะพอทนได้ ไม่ทรมาน แต่จะมีความเบื่อ ที่มันต้องทำนานๆ ความหนักไม่ต่างกับซ้อมมาราธอนนัก แต่มันนานกว่ามาก ยุ่งยากในการเตรียมกว่าและต้องใช้พลังในการแบ่งเวลา กำหนดชีวิตเยอะกว่า
คุณต้องมีตารางซ้อม ที่เหมาะกับคุณ แบบเป็นเรื่องเป็นราว ถ้ามี Coach แนะนำ Ironfit ซื้อจาก Amazon kindle version ได้เลย
คุณต้องก้าวผ่านความเบื่อ ในการปั่น Skylane 8 รอบ อยู่คนเดียว กับสุนัขในสนาม กลางแดดร้อนๆ หรือนั่งแช่ Trainer 4-6 ชม. ต่อเนื่อง
Workload ต่อสัปดาห์ มากสุดประมาณ 10 ชม. – 20 ชม. แล้วแต่เป้าการแข่ง
การซ้อม Ironman ต้องมีเวลาซ้อม 2 มื้อ คือเช้า กับ เย็น เสาร์ เป็น Long Run อาทิตย์เป็น Long ride
สำหรับมือใหม่ ผมแนะนำให้ซ้อม เป็นหน่วยเวลา มากกว่าจำนวนกิโลเมตร (ยกเว้นว่ายน้ำ) เพราะทำให้เราอยู่ใน Base Aerobic ไม่เร่งจบ จนหลุด Zone
คนที่มี Base ดีอยู่แล้ว ปู Base ออกกำลังไว้ใช้เวลาซ้อมอย่างน้อย 4 เดือน เป็นการซ้อมที่เหมาะสมในการไป Ironman แบบจบสวย
แข่งเสร็จพักร่างกายพักหัวใจไปสัก 1 เดือนนะครับ หัวใจจะได้ไม่โตไป
อันนี้คือ Key ที่ผมพยายามรวบรวม มาจากประสบการณ์ในการซ้อมของตัวผมเอง และคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับนักไตร ที่อยากไป Ironman นะครับ Ironman – Anyone Possible ครับ แต่วางแผนและทุ่มเท คนธรรมดาที่ จบ Ironman ได้คุณจะเป็น King of time management และ Life Management ของตัวเองได้เลย
Cr. หมอแอร์
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4577415435633925&id=100000965417046&sfnsn=mo