เล่นเวทให้ถูกจังหวะ! เคล็ดลับสร้างกล้ามเนื้อเพื่อทำ PB ในวันแข่ง
วันนี้มาปู วิชาการ การเสริมสร้างความแข็งแรงกล้ามเนื้อ เพื่อ ช่วยให้เราวิ่งเร็วขึ้นในวันแข่งครับ
1 เราไม่เล่น เวท แบบเดียว น้ำหนักเดียวไปตลอด การซ้อมวิ่ง แต่เราจะปรับรูปแบบการเวท ไปตามช่วงการซ้อม
2 Factor ที่มีการปรับ ได้แก่
- ความหนักของน้ำหนักที่ใช้ เราเรียกว่า 1 RM ( จำนวนที่ยกได้สูงสุด 1 ครั้งแล้วหมดแรง )
- จำนวนครั้งต่อ Set ในการเล่น
- ความถี่ต่อสัปดาห์
3 เราแบ่งการซ้อมวิ่ง ระยะไกลออก ได้หลายรูปแบบ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ
- Base Phase – ฝึก Basic, เตรียมร่างกาย, Drill
- Build Phase – เพิ่ม Mitochondria, เพิ่มระยะ, เพิ่มความเร็ว
- Peak Phase ทำให้ร่างกายเข้าสู่ฟิตสูงสุด เพิ่ม ระยะ ความหนัก การวิ่ง
- Taper Phase ลดระยะลง 7-14 วัน เพื่อให้ร่างกายกล้ามเนื้อ ฟื้นตัว ฟู พร้อมปลดปล่อยพลังวันแข่ง
การเล่นเวท แต่ละช่วง เป็นข้อแนะนำคร่าวๆ เอาไปปรับแต่งใช้กันครับ
1.Base Phase (ช่วงสร้างฐาน)
เป้าหมาย: สร้างความแข็งแรงทั่วไป (General Strength) ป้องกันการบาดเจ็บ และเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการฝึกหนักในช่วงถัดไป
- ความหนัก: ปานกลาง (60-70% ของ 1RM )
- ความถี่ : 10-15 Reps (เน้นความทนทานของกล้ามเนื้อ) Strength Endurance
ท่า
- ท่าสร้างความแข็งแรงขา เช่น Squats, Lunges,
- ท่าแกนกลางลำตัว (Core) เช่น Plank, Dead Bug, Russian Twists
- ท่าบนลำตัว เช่น Push-Ups, Dumbbell Rows
- จำนวนเซต: 2-3 เซตต่อท่า
- ความถี่ : 2-3 วันต่อสัปดาห์
เน้นฟอร์มที่ถูกต้องและการเคลื่อนไหวที่สมดุล หลีกเลี่ยงการฝึกหนักเกินไป เพราะต้องการท่าทางการทำที่ถูกต้อง เพื่อเพิ่มน้ำหนักในระยะต่อไป
2.Build Phase (ช่วงเพิ่มความเข้มข้น)
เป้าหมาย: เพิ่มพลังกล้ามเนื้อ (Power) และความแข็งแรงเฉพาะ (Specific Strength) เพื่อรับมือกับระยะทางและความเร็วที่มากขึ้น
- ความหนัก: ปานกลางถึงสูง (70-85% ของ 1RM)
- 6-10 Reps (เน้นพลังและความแข็งแรงมากขึ้น)
ท่า
- ท่าที่เน้นขาแบบเฉพาะเจาะจง เช่น Deadlifts, Single-Leg Squats, Calf Raises
- ท่าพลัยโอเมตริก (Plyometrics) เช่น Box Jumps, Jump Squats (เพิ่มพลังระเบิด)
- ท่าแกนกลางลำตัวขั้นสูง เช่น Side Plank with Rotation และแบบพื้นฐานเดิม
- จำนวนเซต : 3-4 เซตต่อท่า
- ความถี่ : 2 วันต่อสัปดาห์
3.Peak Phase (ช่วงพีค)
เป้าหมาย : รักษาความแข็งแรงและพลังที่สร้างมา แต่ลดปริมาณงานเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวสำหรับการวิ่งระยะไกลสุดท้ายก่อนแข่ง
- ความหนัก : สูง (80-90% ของ 1RM) แต่ลดจำนวนครั้ง
- 4-6 Reps (เน้นความแข็งแรงสูงสุด)
ท่า
- ท่าพื้นฐานที่คุ้นเคย เช่น Squats, Deadlifts, Lunges
- ท่าแกนกลางลำตัวที่ท้าทาย เช่น Plank with Shoulder Taps, Bicycle Crunches หรือพื้นฐาน
- ลดท่าพลัยโอเมตริกลงเพื่อลดความเสี่ยงบาดเจ็บ เช่น Box jump
- จำนวนเซต : 2-3 เซตต่อท่า
- **ความถี่**: 1-2 วันต่อสัปดาห์
ระวังอย่าฝึกหนักเกินไป เพราะกล้ามเนื้อต้องพร้อมสำหรับการวิ่งระยะไกลในวันแข่ง
4.Taper Phase (ช่วงลดความหนักก่อนแข่ง)
เป้าหมาย : ฟื้นฟูร่างกาย รักษาความแข็งแรงเล็กน้อย แต่เน้นให้พร้อมสำหรับวันแข่ง
- ความหนัก: เบา (50-60% ของ 1RM)
- 12-15 Reps (เน้นการไหลเวียนเลือดและฟื้นตัว)
ท่า
- ท่าน้ำหนักเบา เช่น Bodyweight Squats, Light Dumbbell Lunges
- ท่าแกนกลางลำตัวเบา ๆ เช่น Plank (ค้างสั้น ๆ), Bird-Dog
- 1-2 เซตต่อท่า
- ความถี่ : 1 วันต่อสัปดาห์ หรืออาจหยุดเวทไปเลยในสัปดาห์สุดท้ายก่อนแข่ง
ช่วงนี้เน้นยืดกล้ามเนื้อและพักผ่อน หลีกเลี่ยงความเมื่อยล้าจากเวท
3 ข้อ สุดท้าย
1 พยายาม อย่า เวท วันเดียวกับวิ่ง ถ้าจำเป็นต้องวันเดียวกัน ให้ทำเป็น แยก เช้าเย็น
2 กินโปรตีนให้พอ 1.5- 2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 kg หรือ ประมาณ 4-5 ฝ่ามือ ต่อวัน
3 บางท่า ต้องทำให้ถูกวิธี ก่อนเพิ่มน้ำหนัก ลดการบาดเจ็บ หรือใช้ machine ช่วย save แทนครับ
ทั้งหมดนี่ อาจทำได้ยาก แต่ เราพยายามทำ ที่เราทำได้เหมาะกับเราครับ ดีขึ้นแน่นอนครับ
มีใครเล่นแบบไหนกันบ้าง อะไรเป็นอุปสรรค บ้างครับ
Avarin Smart Run