Werable Device อะไรรุ่ง อะไรร่วง ปี 2017
ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ตลาด Wearable device เดือด แน่นอน ซึ่งก็เป็นความโชคดีของผู้บริโภคที่มีตัวเลือกหลายหลายมากขึ้น ลองไปดูสินค้าในแต่ละกลุ่มกันเลย
1 Smart watch ที่ตอบโจทย์ผู้ที่มี Active lifestyle
เน้นการ Motivate ให้คนออกกำลังกาย จะออกมาเยอะมากจากหลากหลายค่าย ทั้ง Brand กีฬา และ Brand lifestyle ไม่ว่าจะเป็น apple watch. Samsung gear fit , misfit Vapor , Fitbit
เรียกได้ว่า ทุกค่ายปรับตัวใส่ การนับก้าวการวัด HR และGps เข้าไปในตัวให้ครบเครื่องมากขึ้น
น่าจะวัดกันที่จุดเด่นที่แตกต่างของแต่ละ Brand
ค่าย Mio ใช้จุดเด่นของ Pai score ในการวัดความ Active ที่อิงการแพทย์ การวัด HR ที่แม่นยำทั้งกิจวัตรประจำวันและออกกำลัง
Fitbit เน้น Platform , การวัด HR แบบประหยัดพลังงาน Sleep Track
Samsung เพิ่ม การฟังเพลงได้ในตัว
2 นาฬิกาสำหรับคนออกกำลังกายที่เน้น Performance
Garmin ปี 2016
ครองตลาด แย่ง Market share ได้อย่างมากมาย ถล่มถลาย ถีบตัวเองเข้าตลาด Mass มากขึ้น ทิ้งนาฬิกาคู่แข่งอย่าง Polar Suunto ไปพอตัว จากการออก Product ที่เข้ากับผู้ใช้งาน ตอบโจทย์นักกีฬา ทั้งในแง่ ข้อมูลที่ละเอียด Design แบตเตอรี่ การวัด HR แบบ Optipulse และคงความง่ายของการใช้งาน.
รุ่นที่เด่นมากๆ ได้แก่ Garmin forerunner 235 สำหรับวิ่ง Garmin Fenix 3 HR สำหรับ Multisport ไตรกีฬา ที่กลายเป็น Trend ที่แรงมาก
Suunto ปี 2016
กีฬาวิ่ง Productไม่มีตัวชนกับ Garmin 235 สำหรับนักวิ่งเลย มีแต่ Ambit run ซึ่งระดับราคาไม่สามารถแข่งเทียบกับตัว Garmin 235 ได้
ในไตรกีฬา และ วิ่งเทรล Suunto ออก Spartan เพื่อชน Fenix 3 ประสิทธิภาพการใช้งานหลักใกล้เคียงกัน แต่ระดับราคาสูงกว่า และที่เป็นปัญหาคือ การที่ Suunto ไม่ใส่ Optipulse เข้าไปวัด HR ทำให้เสียผู้ใช้กลุ่มที่ต้องการวัด HR โดยไม่ใส่สายคาดอกไปมาก
Polar ปี 2016
หลังปล่อย M 400 เงียบไปมาก และชนกับ 235 ไม่ได้ อีกทั้ง App polarflow ก็ยังไม่สามารถถ่าย Data ไป . 3 party อาทิStarva ได้
นาฬิกาไตรกีฬา ไม่มีตัวใหม่ เป็น V800.เดิมประสิทธิภาพ ยังชนกับ 2 ค่ายทั้ง Polar และ Garmin ไม่ได้
ปี 2017
กลุ่มนาฬิกาสายกีฬาจะมีตัวเลือกที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นเยอะมากๆ
นาฬิกาวิ่งสำหรับ Beginner.
Garmin เปิด Forerunner 35. ได้รับความนิยมมาก จากความเล็ก กะทัดรัด และราคา เบา
Polar ก็เปิด M 200. ออกมาชน เป็นตัวเลือกที่ราคาถูกกว่า ประสิทธิภาพมใกล้เคียงกันมาก เป็นคู่แข่งกับ Forerunner 35 อย่างสมน้ำสมเนื้อ
นอกจากนี้ยังมี smart watch แบบ lifestyle เข้ามาร่วมเป็นตัวเลือก อาทิ samsung , apple watch , Misfit Vapor ที่จะออกมาเรื่อยๆ และมี Gimmick ลูกเล่นหลากหลาย อาทิ ฟังเพลงได้ เป็นต้น
กลุ่มนี่แข่งกันดุเดือดแน่นอน
นาฬิกาวิ่งสำหรับ Performance
Garmin 235. ยังค่อนข้างโดดเด่นมาก เท่าที่เห็นไตรมาสแรก ยังไม่มีค่ายไหนที่ ออก Product มาชนตรงๆได้ โดยเฉพาะ แง่ราคาต่อคุณภาพ ดังนั้น 235 น่าจะยังเป็นที่นิยมต่อไป และยังไม่น่าจะมีใครมาโค่นได้ในครึ่งปีแรกนี้
นาฬิกา ไตรกีฬา และ Trail
ปีนี้ Garmin จะมีคู่แข่งจาก Suunto เข้ามาเล่นด้วยและแย่ง market share แน่นอน ส่วน Brand อื่นต้องรอว่า Polar จะออกอะไรออกมาเพิ่มไหม
Garmin ใช้กลยุธเพิ่ม Variety ในนาฬิการุ่นเดียว คือออก Garmin Fenix 5 ให้มี 3 model แตกต่างทั้งรูปร่างและ Function
เพื่อจะตอบโจทย์ลูกค้าหลายแบบ อาทิ กลุ่มผู้หญิง กลุ่มข้อมือเล็ก กลุ่มที่ต้องการแบตที่นานขึ้น มีแผนที่นำทาง เป็นต้น
ประเทศไทยเข้า ต้น เมย นี้
Suunto เปิดตัว Suunto Spartan Optical ออกมาสู้และแย่งส่วนแบ่ง Suunto ยอมลด Concept ความเปะ ลง แล้วใส่ตัววัด HR แบบ Opti pulse Brand ยังมีความขลังที่ทำให้ คนรัก Suunto ไม่เปลี่ยนใจไปไหน และจุดเด่น ในเรื่องความเสถียรและคงทน และ แบตที่อึดสุดๆ ยังชัดเจนกว่าทุก Brand อีกทั้ง การว่ายน้ำ Pool water และ open water ที่แม่นยำมากๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ในแง่ไตรกีฬา การ Sync ระหว่าง Smartphone ได้รับการปรับปรุงให้ทำได้ง่ายขึ้น ใน firmware รุ่นใหม่ ต้องจับตาว่า Opti pulse ของ Suunto จะแม่นแค่ไหน
ตัว Opti pulse จะออก ปลายมีนาคม 2017 นี้
ส่วนPolar ยังไม่ข่าวคราวตอนนี้ รวมถึงในไตรมาสแรก
3 สายคาดอกกำลังสูญพันธ์ จริงไหม
ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสความนิยมของการวัดหัวใจแบบ Opti pulse จะเข้ามาแทนที่แบบคาดอกแล้ว.
ในอดีต optipulse มีข้อจำกัด 2 อย่างคือเรื่องแบตเตอรี่และความแม่นยำ
ในขณะนี้เทคโนโลยี opti pulse ประหยัดพลังงานขึ้นมาก หลาย Brand สามารถวัด HR ได้ทั้งวัน ทำให้เรื่องการใช้งานระยะยาวทำได้นานมากขึ้น
ส่วนความแม่นยำยังคงไม่สามารถทำได้เทียบเท่าแบบคาดอก ขึ้นกับการใช้งาน อุณหภูมิ และความแม่นยำของระบบ Optipulse แต่ละ Brand แต่แนวโน้มมีความแม่นยำมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตเมื่อพัฒนาถึงจุดๆนึง ที่ทำได้เทียบเท่า สายคาดอก เราอาจเห็นสายคาดอกอยู่ในพิพิธภัณฑ์กีฬาในอนาคต
4 Running efficiency product
Running Efficiency Product คือ เทคโนโลยีวัดข้อมูลการวิ่งเพื่อทำให้การวิ่งมีประสิทธิภาพ ส่วนใหญ่จะออกมาในรูป Foot pod ติดรองเท้า ซึ่งจะมาแรงมากในปีนี้ การวัดการวิ่งจะละเอียดมากขึ้นกว่าการดูรอบขา ที่ได้จากนาฬิกาออกกำลัง
ในอดีต Garmin ได้ทำ Running Dynamic นำมา สัก 2 ปี โดยวัดค่าจากสายคาดอกแบบ Run ดูข้อมูล Groun contact time , Vertical Osciilation etc แต่ข้อมูลที่ได้ยังจับต้องได้ยาก มีนักวิ่งนำไปใช้ ปรับปรุงการวิ่งน้อย และยังไม่เป็นรูปธรรมชัดเจน
Product ใหม่ๆ เริ่ม มีการใส่ รายละเอียด ที่จับต้องได้ ง่ายขึ้น และราคาถูกลง อาทิ การวัดลักษรณะการลงน้ำหนัก ว่าลงที่หน้าเท้า หรือ ส้นเท้า ความแรงในการลง Leg swing การ เหวี่ยงขาไปข้างหลัง มีการ Overpronate ไหม. เล่นไปจนถึงการวัด Power แบบจักรยานกันเลย ทำให้เรารู้ฟอร์มการวิ่งที่แท้จริงของเรา และสามารถปรับปรุงการวิ่งแบบเก้ากระโดด
ยกตัวอย่าง Product ปีนี้ที่ถือว่า Function มากๆ เข้าตานักวิ่งใช้งานได้จริง ราคาถูก ก็เป็นตัว Milestonepod และจะมีอีกหลาย Product ปล่อยออกมาเร็วๆนี้ โดยจะทำได้หลากหลายต่างกัน ยังมีอะไรให้พัฒนาตรงนี้อีกมากมาย
ขอสรุป Wearble Device ในดวงใจปี 2016 ดังนี้
Activity Tracker of 2016 มีตัวเลือกหลายตัวมาก
ในแง่ Design and Life style ขอมอบให้ Fitbit Charge 2
ในแง่ การรองรับกีฬา หลากหลาย ขอมอบให้ Garmin Vivoactive HR
ในแง่ สุขภาพ และความแม่นยำของ HR ขอมอบให้ระบบ Pai score ของ MIO
Performance Running watch of 2016 ขอมอบให้ Garmin Forerunner 235
Triathlon Watch of 2016 ขอมอบให้ Garmin Fenix 3 HR
Trail running watch of 2016 ขอมอบให้ Garmin Fenix 3 HR เช่นกัน
————————————————————————————
ทั้งหมดนี้เป็นเทรน Wearable Device ในมุมมองนักกีฬาของปี 2016 และ 2017 ครับ
เรียบเรียงโดย Avarin Team
วิธีการเลือกนาฬิกาออกกำลังฉบับเต็ม