ซ้อมผิดจุด VO2Max ก็ไม่พัฒนา
“ความเหมือนที่แตกต่างถอดบทเรียนจากห้องทดลอง”
VO2Max มีหน่วยเป็น ml.min.kg
นักกีฬาคนแรก
“ดีมากในหน่วย kg แต่ไม่แข็งแรงเพราะขาด ml”
รูปร่างลีนสวยงาม BMI อยู่ที่ 20 เนื้อตัวพริ้วเหมาะกับเป็นสาย Long Distance วิ่งระยะไกล แต่ขาดการซ้อม Tempo หรือ Interval เลยทำให้ปล่อยพลังงานในการวิ่งสูงสุดได้การวิ่ง ณ pure aerobic zone ได้แค่ 2.41 l.min และ กำลังสูงสุดในการวิ่งแค่ 227 watts
เมื่อขาดการซ้อม Tempo และ Interval ความสามารถในการบีบตัวของหัวใจเพื่อขนส่งเลือดและอ๊อกซิเจน อยู่ในเกณฑ์ ”พอใช้” แค่ 15ml [Oxygen Pulse (VO2/HR)Max]
นักกีฬาคนนี้จะพัฒนาร่างกายอย่างไร?
แนะนำว่าลด Duration ในการซ้อม Long Run และไปเพิ่มการซ้อม Tempo to Interval เพื่อกระตุ้นการบีบตัวของหัวใจให้แข็งแรงขึ้น ให้ร่างกายได้เพิ่มหน่วย ml ขึ้น. แค่นี้แหละครับ VO2max ถึง 60 แน่นอน
ประโยชน์ของการซ้อมหนัก นอกเหนือจากความฟิตที่ได้แล้ว คือ สามารถลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจโตได้ เพราะ Duration ในการซ้อม Tempo to Interval นั้นน้อยกว่า Long Run ราวๆ 2-5 เท่าตัว!
คนที่สอง
“ml โครตโหด แต่ตกม้าตายเพราะน้ำหนักตัว kg”
อดีตนักรักบี้เก่า สายซ้อมวิ่ง Tempo จนไปถึง Interval ซ้อมเสร็จร่างกายเกิด after burn effect หิวโหย เติมพลังงานกลับไปเกินขนาด น้ำหนักตัวทะยาน 99 กิโลกรัม BMI ปาเข้าไป 30 เข้าสู่เกณฑ์ upper overweight.
ซ้อมโหดจนการบีบตัวของหัวใจดีงามมาก 25ml เรียกพลังงานสูงสุดในตัวเองได้ถึง 436 watts
พัฒนาง่ายมากเพราะอะไร?
แค่ความฟิตเท่าเดิมแต่”ลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร” ให้ BMI กลับมาอยู่ในเกณฑ์ Normal. จะช่วยให้ VO2max พุ่งจาก 42 ไปสู่ 52 ml.min.kg โดยง่ายได้.
อย่าเสียเวลากับ Junk Zone หรือ Junk Mile ในการพัฒนา VO2max เพราะ ถ้ารู้จุดแล้วแก้ไขได้ไม่ยากเลยครับ
“บางทีพลังงานบางอย่างอาจจะอยู่ในรูปแบบไขมันส่วนเกินก็เป็นได้”
น้องฮอท